LightBlog

สายอาชีพทางการแพทย์ (Medical Career) นอกจากจะต้องใช้ทักษะความรู้ความสารถสูงแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ต้องใช้ "ใจ" เป็นส่วนสำคัญใน...

งานที่ทำด้วยใจ ความสุขที่ได้แบ่งปัน Physical Therapist & Lecturer

สายอาชีพทางการแพทย์ (Medical Career) นอกจากจะต้องใช้ทักษะความรู้ความสารถสูงแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ต้องใช้ "ใจ" เป็นส่วนสำคัญในการทำงานอีกด้วยนะคะ วันนี้Guests Study จะพาไปพูดคุยกับเกสต์สาวสวยของเรา ดร.โบ ทิพวัลย์ โอภาสกรุณา ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ และความสุขที่ได้จากการทำงานด้านกายภาพบำบัด(Physical Therapy) อีกหนึ่งสาขาอาชีพทางการแพทย์ที่น่าสนใจ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดงาน และเป็นอาชีพที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในเรื่องของรายได้อีกด้วย

ปัจจุบัน คุณโบ ทำงานหลักเป็นอาจารย์สาขากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และยังทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดควบคู่ไปอีกด้วย 

จาก กายภาพบำบัด สู่อาชีพ "อาจารย์มหาวิทยาลัย"...
จำได้ว่าเมื่อตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วเลือกเข้าเรียนสาขากายภาพบำบัดนั้นยังไม่ทราบดีเลยค่ะว่านักกายภาพบำบัดต้องทำอะไรกันได้บ้าง รู้แต่ว่าตัวเองชอบเรียนสายวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และอาชีพนักกายภาพบำบัดนี้มีส่วนช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยให้มีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น จึงตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี้ ซึ่งพอได้เข้ามาเรียนจริงๆ ก็ทำให้รู้เลยว่า เราเลือกไม่ผิดจริงๆ

โดยส่วนตัวแล้ว พอเรียนจบปริญญาตรี ก็ได้มีโอกาสทำงานในฐานะนักกายภาพบำบัดแบบพาร์ทไทม์ตามคลินิกกายภาพบำบัดต่างๆ อยู่ระยะหนึ่ง แต่ด้วยความฝันที่อยากจะเป็นอาจารย์ ชอบการสอนหนังสือ จึงตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกทางด้านกายภาพบำบัด ซึ่งในตอนนั้น เราก็ยังทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดควบคู่ไปกับการเรียนด้วย จนถึงตอนนี้เรียนจบ ได้ทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างที่ฝันไว้แล้วค่ะ

บทบาทหน้าที่ ของอาจารย์มหาวิทยาลัย และนักกายภาพบำบัด....
การเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แน่นอนว่างานหลักก็คือ การสอนหนังสือค่ะ แต่อาจารย์นั้น ไม่ได้สอนหนังสือเพียงอย่างเดียวแบบที่หลายคนเข้าใจกันนะคะ ในฐานะอาจารย์ต้องหมั่นพัฒนาตนเองให้มีความรู้ใหม่ๆรวมถึงสร้างองค์ความรู้เพิ่มเติมจากงานวิจัยอย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นเราก็จะย่ำอยู่กับที่ มีแต่ความรู้เดิมๆไปสอนนิสิตนักศึกษา

นอกจากการสอนหนังสือแล้ว ในวันว่างช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ยังคงทำงานในบทบาทของนักกายภาพบำบัด ดูแลรักษาคนไข้ร่วมไปด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะช่วยให้เราพัฒนาความรู้และทักษะทางด้านคลินิกไปด้วยอีกทางหนึ่ง

หน้าที่ของนักกายภาพบำบัดคือ การนำความรู้ที่มีอยู่นั้น ไปช่วยส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ป้องกันความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรค ช่วยรักษาและฟื้นฟูสุขภาพคนไข้ให้กลับมาแข็งแรง นักกายภาพบำบัดต้องรวบรวมข้อมูล ตรวจร่างกาย ประเมินสุขภาพ วางแผนการรักษา เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคขึ้นในอนาคต โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การอธิบายสื่อสารทุกอย่างให้คนไข้เข้าใจตรงกัน เพื่อที่เค้าจะได้ร่วมรักษาตัวเองไปพร้อมกันกับเรา ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเป็นนักกายภาพบำบัด หลายคนอาจคิดว่าต้องทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่จริงๆแล้วนักกายภาพบำบัดยังแฝงตัวอยู่ในอีกหลายๆวงการอาชีพนะคะ เช่น ประจำทีมนักกีฬา ทีมวิเคราะห์การเคลื่อนไหว พัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ วิทยากรทางด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย รวมถึงความงามและสปา เป็นต้น

สิ่งสำคัญที่นักกายภาพบำบัดควรมี...
ส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถในด้านการเรียนเพื่อที่จะเป็นนักกายภาพบำบัดได้นะคะ แต่คุณสมบัติสำคัญที่อยากฝากให้ใครหลายๆคนที่สนใจจะทำงานด้านนี้คือ การมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ การเรียนไม่เก่งยังพัฒนาปรับปรุงกันได้ แต่ทัศนคติเชิงลบนั้นจะทำให้เราไม่มีความสุขกับงานที่ทำค่ะ

นอกจากนี้แล้ว ความใจเย็น อดทน และมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ก็เป็นคุณสมบัติที่นักกายภาพบำบัดควรมี เนื่องจากเราต้องทำงานกับผู้คนจำนวนมากหลากหลายอาชีพ แต่ละคนก็มีลักษณะอุปนิสัย ความคิด แตกต่างกันออกไป ความใจเย็นจะทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ความอดทน จะช่วยให้เราได้เรียนรู้ปัญหา และสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ผ่านเข้ามาเหล่านั้น ทำให้เรามีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้นค่ะ

ประสบการณ์ดีๆ จากการทำงาน...
ประสบการณ์ที่ได้จากวิชาชีพนี้อันดับแรกเลยนะคะ คือทำให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้นมาก อย่างที่บอกว่าอาชีพนี้ต้องพบปะผู้คนมากมาย ทำให้เราได้เรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับความแตกต่างของผู้คนหลากหลายในสังคม สำหรับประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการเป็นนักกายภาพ คือวันที่เราเห็นคนไข้ที่เรารักษากลับมาแข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขยิ่งขึ้นค่ะ โดยเฉพาะกับคนไข้ที่เรารักษา ดูแลกันตั้งแต่วันที่เค้าป่วย ไม่สามารถนั่ง ยืน เดินเองได้ จนกระทั่งถึงวันที่สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง วันนั้นจะรู้สึกดีใจ และมีความสุขสุดๆเลยค่ะ

ในฐานะอาจารย์ประสบการณ์ที่ดีของเรา ก็คงเป็นวันที่นิสิตนักศึกษาพร้อมที่จะออกไปเป็นนักกายภาพบำบัดที่มีคุณภาพอย่างเต็มตัวค่ะ

เป้าหมายการทำงานนี้ในอนาคต... 
ตั้งใจจะพัฒนาความรู้ด้านกายภาพบำบัดให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวขณะเดินอยู่ งานวิจัยชิ้นนี้ต่อเนื่องมากจากงานวิจัยช่วงที่ไปฝึกงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของมนุษย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาขณะกำลังศึกษาต่อ นอกจากนี้ ก็ยังอยากที่จะทำงานวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา เช่น นักวิศวกร โปรแกรมเมอร์ และนักชีวอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อจะได้ทำการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิค ความคิดเห็นจากหลากหลายวิชาชีพ ที่จะนำไปสู่องค์ความรู้ใหม่ๆในการรักษาคนไข้ เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไข้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความรู้จากสาขาวิชาชีพอื่นๆ มาประกอบกันค่ะ

ฝากถึงคนที่อยากเข้ามาทำงานในสายอาชีพกายภาพบำบัด...
 นักกายภาพบำบัดทุกคนจะต้องสอบ เพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด จึงจะสามารถนำความรู้ที่มีไปตรวจรักษาคนไข้ได้  แต่อย่างที่ได้บอกนะคะว่า ทัศนคติที่ดี เป็นเรื่องสำคัญที่สุด นักกายภาพบำบัดต้องมี "ใจรัก" พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้อื่น เพราะการทำงานด้วยใจ ไม่เพียงตัวเราจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำแล้ว ความสุขเหล่านี้ยังส่งผ่านการดูแลรักษาของเราไปยังคนไข้ได้อีกด้วย  


0 comments: